Monday, November 10, 2008

หากได้ทำทุกสิ่ง จากเสียงภายใจ ด้วยใจที่รัก







การงานคือความรักปรากฏตนเป็นรูปร่าง
และถ้าเธอไม่อาจประกอบการงานได้
โดยมีความรักแต่ด้วยความจำเจเบื่อหน่าย
เธอก็ควรวางมือ และไปนั่งตามประตูโบสถ์
ขอทานท่านผู้ทำงาน ด้วยความชื่นชมจะดีกว่า

เพราะถ้าเธอปิ้งขนมอย่างไม่แยแส
เธอก็จะได้ขนมอันมีรสขม
และบรรเทาความหิวโหยของมนุษย์ได้เพียงครึ่งเดียว

และถ้าเธอบ่นขณะบีบบดองุ่น
การบ่นของเธอคือยาพิษ ซึ่งซาบซึมลงในน้ำองุ่นนั้น
และถึงแม้เธอจะร้องเพลงได้ด้วยเสียงดุจเทพธิดา
แต่ถ้าเธอมิได้รักการร้องเพลงนั้นแล้ว
เธอจะทำให้หูของมนุษย์หนวกต่อสำเนียงของวันและคืน

การที่จะทำงานด้วยความรักนี้คือการทอผ้า
ด้วยเส้นด้ายที่ดึงจากดวงใจของเธอ
ราวกับว่าผืนผ้านั้นจะเป็นเครื่องนุ่งห่มของคนรักของเธอ
คือการสร้างบ้านขึ้น ด้วยดวงใจเอิบอิ่มในความรัก
ประหนึ่งว่าสร้างบ้านนั้นเพื่อคนรักของเธออยู่
เมื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ ก็ด้วยความละมุนละไม

และเก็บเกี่ยวผลอันผุดขึ้นด้วยความปราโมทย์ดุจดังว่า
ที่รักของเธอจะเป็นผู้บริโภคผลนั้นๆ
คือการอาบรดทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอจับ
ทำด้วยลมหายใจจากวิญญาณของเธอ

ชีวิตคือความมืดแน่แท้ เว้นเสียแต่เมื่อมีความมุ่งมาด
และความมุ่งมาดนั้นก็จะยังมืดบอด ถ้าหากไร้ปัญญา
และปัญญาทั้งหลายก็จะคงเปล่าประโยชน์
ถ้าหากไม่มีการงาน
และการงานก็จะว่างเปล่า เมื่อไม่มีความรัก

และเมื่อเธอทำงานด้วยความรักนั้น
เธอได้โอบตนเองเข้ากับตนเอง เข้ากับผู้อื่น
และเข้าสู่พระผู้เป็นเจ้า

จากหนังสือปรัชญาชีวิต : คาลิล ยิบราน ระวีภาวิไล/ ถอดความ)

No comments: