Friday, February 20, 2009

ความต้องการสอดคล้องกับความรู้สึกเสมอ

เราได้แต่สังเกตตนเองจนเข้าใจหากบางครั้งเราตามตัวเองไม่ทัน ก็อันเนี่องมาจากเราเร็วเกินไป
ขั้นตอนหรือเทคนิคการภาวนาจะเข้ามาช่วยเรา หลังๆ ร่างกายที่ได้รับการฝึกภาวนา
ก็ช่วยเราไว้ได้มาก ที่มันคอยบอกอะไรบางอย่างที่เรารู้สึก และเป็นความต้องการที่แท้จริงของเรา
หากมันไม่สอดคล้องกันก็นำมาซึ่งความเครียด

สองสามวันมานี้ จิตใจไปกังวลอยู่ที่ทีสีสเสียมาก และก็คิดอะไรหลายๆ อย่างไม่ตก
พอมีคนมาช่วยคุย แล้วก็เลยคิดหาคำตอบต่างๆ นานา ว่าทำไมเราอยากใช้วิธีวิจัยแบบใหม่นัก
พี่สองคน คนหนึ่งบอกว่ามันยากและชายขอบไปหน่อย อีกคนบอกว่า
เพราะเราอยากนำเสนอให้เรื่องราวของเราน่าสนใจ เราก็เลยเผลอคิดไปว่าเราอยากทำงั้น
ปรากฏว่าตั้งแต่เราตอบไปแบบนั้นเราก็รู้สึกปวดหัวตลอดเวลาหนักๆ
เข้ามันก็เริ่มปวดร้าวจนมาถึงต้นคอมากขึ้น

นั่งใคร่ครวญว่ามีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า ก็พบว่าเราไม่ได้คิดหรือรู้สึกอย่างนั้นเลย
คุยกับน้องท้องฟ้า เรากลับพบว่า เราอยากใช้วิธีวิจัยนี้ก็เพราะ
เราอยากได้เรียนรู้จริงๆ จากเรื่องทีสีสที่เราสนใจ นอกจากมันเป็นคำถามหรือความสนใจจากหัวใจแล้ว
มันยังเป็นความเพียรที่เรายังอยากฝึกปฏิบัติ และเราก็อยากเรียนรู้อย่างคนที่ไม่รู้อะไรเลย
มากกว่าเรียนแบบคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะเป็นไง

ซึ่งตรงนี้คิดว่ามันไม่ใช่ตัวเราเลย เราก็เลยอึดอัด ที่เราไม่ได้เข้าใจความต้องการของตนเองอย่างแท้จริง
พอเข้าใจปุ๊บและได้พูดมันออกมา อาการปวดหัวก็คลายลงและหายไปในที่สุด

เท่านั้นแหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น แม้รู้ว่าหนทางนั้นยาก
และการยืนหยัดบนความต้องการของตนเองก็ยากด้วย แต่เราก็อยากทำเพราะมันดีต่อตัวเราเองมากที่สุด
และน่าจะทำให้คนอื่นได้ประโยชน์มากที่สุด จากการที่เราสามารถเล่าอะไรๆ ออกไปได้อย่างชัดเจน
และตรงกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริงๆ มากที่สุดด้วย ไม่ได้อยากให้ใครเชื่อถือ ไม่ได้อยากเป็น someone
และไม่ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ เราก็ยังอยากทำ สิ่งที่เป็นการฝึกฝนบนหนทางด้านในสายนี้

ขอบคุณเพื่อนผู้เข้าใจและช่วยเหลือในเส้นทางสายนี้ อาจารย์ที่เข้าใจอีกหลายๆ ท่าน

No comments: