engage buddhism
ทำไมต้องภาวนา
ทำไมต้องทำงานเพื่อสังคม
ทำไมภาวนาถึงเกี่ยวไรกับการรับใช้สังคม
การทำงานสังคมเกี่ยวข้องอย่างไรกับการภาวนา
4 วัน 3 คืน กับเพื่อนร่วมทาง ที่ต่างก็สนใจเรื่องราวต่างๆ
ความเป็นไปของสังคม และสนใจเรื่องราวด้านในด้วย
แม้หลายคนจะไม่เคยสนใจมาก่อน
แต่ครั้งนี้เราได้ร่วมเดินทางด้านใน
และร่วมแลกเปลี่ยนไปด้วยกัน
ฉันมาพร้อมกับปัญหา ทะเลาะกับน้องสะใภ้
เรื่องการเลี้ยงหลาน หรือลูกของเขา
เราอยากให้หลานๆ ของเราตัดผมเพราะเป็นเหา
ส่วนเขาอยากให้ลูกๆ ไว้ผมยาว
เราเกลี้ยกล่อมทั้งปลอบทั้งอธิบาย
จนเด็กๆ ไปตัดผม
การทะเลาะด้วยเรื่องงี่เง่า จึงเกิดขึ้นอย่างดุเดือด
เมื่อแม่เขากลับมาเห็นลูกผมสั้น
เรารู้สึกทนไม่ได้ นี่มันเรื่องงี่เง่าไรนักหนา
ส่วนเขาบอกเราว่ามายุ่งทำไมนี่ลูกเขา
อยากทำไรก็ไปมีลูกเองสิ
เราเดือด โกรธ และเสียใจด้วย น้ำตาเกือบไหล
ห่วงเด็กๆ มากคิดไปว่าแม่อย่างนี้มีได้ไง
เดือดมาก ไม่ใช่ลูกเราแต่เราก็เลี้ยงมาเยอะนะเฟ้ย
เก็บความขุ่นเคืองนี้ไปภาวนา
เรื่องก็มีอยู่ว่า
เราจะละทิ้งหลานๆ ของเรา
เพราะเราทำอะไรไม่ได้ หรือเพราะเราไม่อยากโดนด่า
หรือกลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน หากเด็กๆโตเป็นเด็กมีปัญหา
หรือเราอยากทำเพราะเราคิอว่าถ้าเราทำจะดีกว่าเขา
แต่เราจะทำหน้าที่เป็นแม่อย่างนั้นเลยหรือ
เราควรทำแค่ไหนอย่างไร เราควรจะอย่างไร
หลายความรู้สึก ทั้งอยากละทิ้ง ทั้งรู้สึกผิดหากไม่ทำไร
การมีภาพลักษณ์เราเป็นคนดีเหรอ เราต้องรับผิดชอบบ้าง
หรืออาจจะความรู้สึกที่เหนือกว่า
ภาวนาโดยมีความรู้สึกต่างๆ
เกี่ยวกับเรื่องนี้วนไปเวียนมา
หลายเรื่องที่ได้เรียนรู้แลกเปลี่ยน
รู้สึกเหมือนเรื่องการทำงานสังคมเลย
เราทำงานเพื่อสังคมทำไม
หลานของเราก็เรียกได้ว่าสังคมไหม
เขาไม่ใช่เรา แต่เขาเป็นสังคมที่เราต้องช่วยเหลือ
ถ้าเราทำงานสังคม และเราทิ้งคนในครอบครัวเหรอ
เรื่องทั้งหมดเชื่อมโยงสัมพันธ์กันไปมา
ในความรู้สึกต่างๆ
ร้องไห้ สะเทือนใจ กับความเป็นตัวเองอย่างนี้ยากจัง
ความรัก ทำให้เราทิ้งเขาไม่ลงเหมือนกัน
ตั้มถามว่าเราอาจจะช่วยเหลือผู้อื่น
เพราะอะไร อย่างไร
คำตอบหนึ่งที่เราตอบคือ
ช่วยแบบที่คิดว่าเขาแย่กว่าเรา
คิดว่าเราเหนือกว่า ดีกว่า
ตั้มบอกว่า นี่คือ ความโกรธ นะ
แล้วตั้มถามว่าเรามองอย่างอื่นได้หรือไม่
เป็นตรงกันข้ามกัน
เราควรช่วยเหลืออย่างไร
เรายังไม่ทันตอบ ตั้มตอบออกมาว่า
เราช่วยโดยรู้สึกว่า เขาดีกว่าเราสิ
"เราคิดว่าเขาดีกว่าเรา มองอย่างนั้นได้ไหม
คนที่เขามีความทุกข์อยู่ แล้วเราจะไปช่วยให้เขาพ้นทุกข์
เราเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เขาเผชิญเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
การที่เขาได้เผชิญกับความทุกข์อยู่นั่นมันเป็นประสบการณ์ของเขา
รู้สึกว่าเราชื่นชมที่เขากำลังเผชิญสิ่งนั้นอยู่แล้ว
เราก็ร่วมไปเผชิญกับเขาอย่างที่เขาเป็น
โดยไม่ได้เป็นการมองข้ามปัญหา"
จุกไปเลยกับคำตอบนี้ ที่ตั้มพูด
นี่หรือ คือความโกรธ เรามีมันมากมายจริงๆ
สิ่งที่เราคิดก็คือ เราคิดว่าวิถีของเราดีที่สุด
นั่นล่ะคือ ความโกรธ และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหา
เรากลายเป็นคนที่ช่วยคนอื่นโดยการเอาตนเองเป็นใหญ่
เท่านั้นความรู้สึกทั้งหมดก็คลี่คลาย
เราเลิกคิดถึงมันอีก เรารู้แล้วว่าเราจะช่วยเขาอย่างไร
อยู่ที่ว่าตอนนี้เราต้องไปปฏิบัติแล้ว
การรู้และเข้าใจนั้นไม่อยาก แต่ที่หินคือเวลาไปปฏิบัติ
กลับไปทำงานกับโจทย์ inner work กับตนเอง

ขอบคุณที่พวกเราได้มาเดินทางร่วมกัน
และเติมเต็มกันและกัน
5 comments:
ขอขอบคุณคุณตั้ม และ ขอ ขอบคุณ เพนมากนะ
ดีใจที่เราได้ "เดินทาง" ไปด้วยกันนะจ๊ะ
แอม:)
ขอให้นักภาวนาทุกท่าน
ได้ค้นพบ หนทางที่จะสร้างสมดุลของความสุขและความทุกข์ ด้วยการภาวนา
การดูแลสังคม นั้น ดูเหมือนเป็นหน้าที่ของทุกคน ในทุกขณะที่แต่ละคนดำรงสถานะใดๆ อยู่
เป็นพี่สามี เป็นลูก เป็นหลาน เป็น พี่ เป็น น้อง เป็นนักเคลื่อนไหว
กลับไปรู้ใหม่ว่า ในกระบวนการพรมวิหาร4 นั้น พระพุทธเจ้าสอนอะไร
ท่านพุทธทาส ได้ให้เราดำรงตนผ่าน พรมวิหาร 4 อย่างไร
ท่าน ติช ได้กล่าวเรื่องนี้ผ่านความเมตตา ในหนังสือ ปลูกรักอย่างไร
Engage Buddhism คือสิ่งนี้หรือไม่ การได้ดำรงตนบทฐาน ของ เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขาอย่างเท่าทันอย่างไร
ความรู้เป็นร้อยนักเขียน นักปรัชญา ก็ไม่เท่าที่เราจะใคร่ครวญ ทุกเรื่องราวด้วยตนเอง ประสบด้วยตนเอง เป็นปัจจักตัง เป็นของตน
ขอให้มีความสุขในปีใหม่ ด้วยการค้นพบ การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับทุกผู้ทุกคน ด้วยเห็น ทุกข์ ร่วมกัน
ขอบคุณที่แบ่งปัน
แล้วจะเข้ามาอ่านอีก
เขียนเยอะ ๆ นะจ๊ะ
เรื่องของแก
เป็นแรงใจให้ชั้นมากๆเลยนะ
ขอบคุณๆ
การช่วยเพื่อช่วย
เมื่อเราไม่โกรธ เราก็จะไม่ทุกข์
และช่วยเขาอย่างที่ควรช่วยได้อย่างแท้จริงใช่มั้ย?
Post a Comment