Monday, August 08, 2011

ความรักของฉัน อีกครั้ง

ตั้งใจจะทำงานก่อนแต่ก็อดไม่ได้ที่อยากจะเขียนเรื่องบางเรื่อง
อยากเล่าอะไร รู้สึกว่าช่วงนี้พอเกิดเรื่องความรู้สึกเยอะๆ ข้างในมันทำงานอย่างหนัก
และออกจะล้นๆ ถ้าไม่ได้เอาออกมาเล่าบ้าง
ก็คาดว่าอาจจะทำให้มันระเบิดได้

เรื่องนี้ผุดขึ้นมาเพราะว่าใกล้วันแม่กระมัง

แต่ก่อนฉันเป็นคนที่มองแล้วเข้มแข็ง ไม่เคยร้องไห้
และไม่สามารถรัีบรู้ความรู้สึกอะไรของใครได้
ไม่เอาเรื่องต่างๆ ในชีวิตมาเป็นอารมณ์
ทำงานด้วยเหตุผลเป็นหลัก และมองว่าการแสดงอารมณ์เป็นเรื่องไม่สมควร
มันทำให้เราดูอ่อนแอและจัดการไม่ได้
ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต เราจะตอบว่าเราไม่เป็นไร
ไม่รู้สึกอะไร และหาทางแก้ปัญหาอย่างคิดว่าตัวเองเหนือคนอื่น
ที่ไม่เอาอารมณ์มากวน ไม่มานั่งดราม่าอะไร
และคนที่ดราม่า นั้นอ่อนแอไม่สมควรมีชีวิตอยู่บนโลก

จริงๆ อาจเป็นเพราะฉันขี้อายก็เป็นได้
ฉันไม่อยากจะเปิดเผยอะไรทั้งนั้น
ไม่อยากให้ใครรู้อะไรไม่อยากให้่ใครมายุ่งกับฉันมากนัก

ฉันพบว่าชัดๆ ว่าตัวเองต้องการความรักเมื่อฉันเรียนอยู่มหา'ลัยแล้ว
เหมือนว่าตอนนั้นเริ่มเป็นสาว และคำว่าความรักมันสะเทือนในหัวใจ
ยิ่งตอนที่มีคนมาเล่าเรื่องพระเจ้า ฉันอยากเข้าใจมันมากว่า
ความรักของพระเจ้าที่ฟังดูอุดมคตินั้นเป็นอย่างไร
และหลายครั้งที่ฉันสัมผัสมันได้ ฉันรู้สึกได้ว่าข้างในมันมีอะไรบางอย่างที่สั่นไหว
แต่อย่างไรเสียมันก็ยากเกินไป

หลายวันก่อนฉันเห็น
ดอกมะลิประดิษฐ์ของที่ขายเพื่อนำรายได้ไปใช้เพื่อการกุศลช่อนั้นยังอยู่ในลิ้นชักโต๊ะ

เพื่อนสนิทคนหนึ่งให้มาในวันแม่ปีหนึ่ง และบอกว่าให้เอาไปให้แม่ ไปกราบ
และขอบคุณแม่

น่าแปลกที่ในชีวิตฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ยิ่งถ้าเป็นที่บ้านยิ่งเป็นไปไม่ได้
และมันก็โคตรยาก ยากเกินไป จำได้ว่าฉันรับไว้ไม่ได้ส่งคืน
เพราะไม่อยากอธิบายอะไร และเก็บเจ้าดอกไม้ช่อนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะตัวเอง

ปีต่อมาแม่ตายอย่างกะทันหัน อย่างที่พวกเราไม่คาดคิด
และไม่มีอะไรที่เราจะแก้ไขได้

ฉันพบหลายเรื่อง ฉันเสียใจและยังไม่อาจร้องไห้ได้ตลอดหลายเดือน
ฉันตื่นมาพบว่าตัวเองเฝ้ามองไปที่ประตูห้องเพื่อรอให้แม่คนเดินคนนั้นเข้ามาปลุกในยามเช้า
เฝ้ามองหาแม่ในทุกๆ ที่ที่แม่มักจะเดินอยู่ในบ้าน
ฝันถึงแม่ว่าได้พูดคุย ฟ้องแม่ และกอดแม่

ฉันเพิ่งพบว่าตัวเองมีความรักมากมายให้แม่ ไม่ต่างจากที่ฉันเคยสงสัยเรื่องความรักที่พระเจ้าสอน
และฉันก็ไม่เคยมีโอกาสขอกเรื่องนี้กับแม่
และไม่มีโอกาสแก้ตัวใด ๆ และดอกมะลิในลิ้นชัก
ก็ยังคงนอนนิ่ง ให้ความรู้สึกมากมายทุกครั้งที่ได้เห็น

เวลาผ่านไป และเฉันรู้ว่าฉันไม่เคยหยุดเสียใจ
และรู้ว่าตัวเองพลาดอะไรในชีวิตที่ยิ่งใหญ่ไป
พลาดที่จะสัมผัสความรักนั้นเมื่อมันยังอยู่
เพียงเพราะอายเหรอ หรือว่ามันดูอ่อนแอ หรือเพราะไม่เชื่อกระมัง
สุดท้ายแม้อยากบอกอยากเจอเท่าไร ก็ไม่มีวันเป็นไปได้

ฉันจำได้ว่าฉันเปลี่ยนไปจริงๆ ฉันเริ่มเห็นว่าฉันใส่ใจที่จะเข้าใจความรู้สึกตัวเองมากขึ้น
และวันนี้ฉันรู้แล้วว่า ฉันจะไม่ปล่อใให้ตัวเองต้องเสียใจแบบนั้นอีก
การแสดงความรู้สึกไม่ได้เป็นเรื่องแย่และอ่อนแออีกต่อไป
หากฉันรักใคร ก็ต้องบอกเขา และสัมผัสความรักให้ได้เมื่อเขายังอยู่ตรงหน้า
มันสำคัญมากเมื่อเราได้พบมันจังๆ อย่าให้ความกลัวที่มีทำลาย
ทำร้ายโอกาสที่สำคัญนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรต่อมา นั่นไม่สำคัญเลย
เพราะฉันได้รับความรู้สึกรักนั้นอย่างเต็มที่แล้ว และมันเป็นความจริงตรงนั้น
ในชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

และมันเกิดขึ้นจริงๆ ความรู้สึกรักแบบนั้น
ฉันจะไม่เก็บดอกมะลิที่ไม่มีโอกาสได้ให้ไว้เพิ่มอีกต่อไป

เมื่อคุณรัก คุณทำได้แค่สัมผัสและรับความรักนั้น
เพราะมันจะเกิดขึ้นกับคุณก็ตรงหน้านั้นเท่านั้น
และมันจะผ่านไป ไม่ได้หายไปไหนหรอกนะ
แต่มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย มันอาจจะมากขึ้น น้อยลง
และมันอาจจะเป็นแบบที่เรียกว่า เพื่อน พี่ น้อง คนรัก และอื่นๆ ที่มันจะเป็น

และไม่ว่ามันจะเป็นอะไรช่วงเวลาตรงหน้าก็สำคัญที่สุดเสมอ
และจริงที่สุด

ขอบคุณมืออุ่นๆ ความรักความเอาใจใส่ อ้อมกอด และรอยยิ้มทั้งหลาย
หรือแม้แต่น้ำตา ที่ทำให้ฉันสัมผัสความรักนั้นได้
การช่วยเหลือ และแม้แต่อาการนอยๆ นั่นก็มาจากความรู้สึกที่เรามีต่อกันโดยแท้

ฉันพบด้วยว่าเป็นเป็นแสงสว่าง และเป็นพลังงานมากมายที่ได้รับ
แม้วันเวลาผ่านไปเราอาจจะไม่เจอกันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ช่วงเวลาดีดีที่เราได้รับความรักนั้นก็เป็นพลังสำคัญในการใช้ชีวิต
และความหวัง ความเชื่อในการฟันฝ่าอุปสรรคและผ่านปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตไปได้ทั้งสิ้น


No comments: